เนื้องอกที่ต่อมไทรอยด์ ตรวจที่แผนกหูคอจมูก เกือบเจ็บตัวแล้วไม๊ล่ะ

ช่วงเวลาที่ผ่านมา ฉันต้องเดินทางไปโรงพยาบาลแทบทุกอาทิตย์เพื่อตรวจเช็คสุขภาพ 
การมีเนื้องอกที่ต่อมไทรอยด์ เหมือนมีผลส้มลูกเล็กติดอยู่ที่คอ ทำให้ใคร ๆ ก็ทักว่าทำไมไม่ไปผ่าตัดเอาก้อนออกเสียล่ะ ฉันเริ่มรู้สึกว่าก้อนเนื้อโตขึ้นเร็วมาก ก็ชักจะกังวลมากขึ้นว่าเดี๋ยวมันจะกลายเป็นอย่างอื่นไปนะ ทั้ง ๆ ที่กลัวการผ่าตัดมาก แต่ว่าเมื่อถึงเวลาก็ต้องตัดสินใจเข้าสู่กระบวนการการตรวจอย่างเต็มรูปแบบเสียที 

การไปหาหมอเพื่อเจาะชิ้นเนื้อนั้นทำได้ 2 แผนกคือแผนกอายุรกรรมต่อมไร้ท่อ กับแผนกหูคอจมูก ครั้งแรกฉันตัดสินใจไปที่ รพ.ใหญ่แห่งหนึ่งใน กรุงเทพฯ เมื่อโทรไปขอนัดตรวจพยาบาลส่งฉันไปพบแพทย์แผนกหูคอจมูก ฉันต้องไปที่คลีนิกพิเศษเพราะจะได้คิวตรวจที่ไม่ต้องรอนาน 

เมื่อพบหมอ คุณหมอบอกว่าจะเจาะคอเพื่อเอาชิ้นเนื้อส่งตรวจ แต่ว่าการเจาะคอจะไม่ฉีดยาชาและเจาะเพียงจุดเดียว จากประสบการณ์ที่ฉันเคยเจาะชิ้นเนื้อที่ต่อมไทรอยด์มาแล้ว ฉันรู้ว่าการเจาะสดโดยไม่ฉีดยาชานั้นมันเจ็บมากเลยทีเดียว ก็ลองนึกดูเอาเถอะว่าเข็มปลายแหลม ๆ ทิ่มเข้าไปในเนื้อของเราและหมอก็พยายามดูเอาเนื้อเยื่อของเราออกมา ถ้าเนื้อเยื่อที่ดูดออกมาไม่เพียงพอ หมอก็จะพยายามคว้านเข็มเพื่อเจาะเอาเนื้อเยื่อหรือของเหลวในคอให้ได้ปริมาณเพิ่มขึ้นอีก เจ็บไหม...ไม่ต้องถามเลยนะ ฉันมีประสบการณ์การเจาะคอสด ๆ จากแผนกหูคอจมูกมา 3 ครั้ง ทำให้หวาดผวาการเจาะสดมาก ๆ 

คุณหมอคนนี้ใจดีหน่อย เห็นว่าฉันกลัวเจ็บจึงให้พยาบาลเอายาชามาทาที่คอของฉัน บอกว่ายาชาจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดได้บ้าง ระหว่างที่นอนบนเตียงและรอยาชาออกฤทธิ์ ซึ่งต้อรอกันครึ่งชั่วโมง ฉันนอนมือเท้าเย็นในห้องตรวจที่แอร์เย็นเฉียบ คิดกลับไปกลับมา เจาะไม่เจาะ เจ็บมากนะ ทนไหวไม๊ แม้จะลืมความเจ็บนั้นไปนานแล้ว แต่เมื่อคิดถึงว่ามันกำลังจะเกิดขึ้นมนอกีไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ ฉันจะทนหรือ 

...เวลาผ่านไป 25นาที คอฉันเริ่มชา ยาชาออกฤทธิ์แล้ว ฉันตัดสินใจผุดลุกขึ้นจากเตียงและบอกคุณพยาบาลว่า "ไม่เจาะแล้วค่ะ ขอคุยกับคุณหมอเรื่องผ่าตัดเลยดีกว่า" นับเป็นการตัดสินที่ถูกต้องและทันการณ์ พยาบาลตะโกนบอกหมอว่า คนไข้ไม่เจาะแล้ว ฉันปรึกษาหมอเรื่องการผ่าตัดเอาไทรอยด์ออก ทั้ง ๆ ที่คอเริ่มชาขึ้นเรื่อย ๆ หมอให้คำแนะนำที่ละเอียดดีมาก ทำให้ได้รู้ถึงความเสี่ยงว่า ถ้าผ่าตัดเอาต่อมไทรอยด์ออก อาจจะผ่าเอาออกเพียงข้างเดียว ผ่าสองข้างคือข้างซ้าย-ข้งขวา แล้วเหลือต่อมไทรอยด์ด้านหลังเอาไว้นิดหน่อย หรือจะผ่าเอาออกทั้งหมดเลยก็ได้ แต่ความเสี่ยงก็คือถ้าการผ่าตัดนั้นบังเอิญไปโดนเส้นประสาทที่เชื่อมถึงเส้นเสียง ฉันอาจจะเสียงแหบ แต่มีโอกาสฟื้นฟูได้โดยใช้เวลานานกว่า 6 เดือน  หรือในกรณีที่เส้นประสาทถูกตัดขาดสนิท ฉันจะไม่มีเสียงพูดเลย อันนี้ก็สร้างความกังวลให้กับฉันมากเพราะฉันไม่ใช่เจ้าหญิงเงือกน้อยที่จะยอมสูญเสียเสียงเพื่อแลกกับการมีขาเดินได้เหมือนมนุษย์ ฉันไม่ได้มีครีบแล้วก็มีหางเป็นปลา แถมอาชีพของฉันต้องใช้เสียง ถ้าไม่มีเสียง นั่นคือหมดทางทำมาหากินกันเลย

หลังจากนั้นฉันก็บอกหมอว่าขอปรึกษาเรื่องค่าใช้จ่าย หมอให้คุยกับพยาบาล สำหรับ รพ.รัฐบาล ถ้าผ่าตัดนอกเวลาซึ่งสามารถนัดผ่าได้เร็ว ไม่ต้องรอคิว ให้เตรียมเงินมา ราว 8 หมื่นถึง 130,000 บาท เล่นเอาหน้ามืด คอที่ชาอยู่แล้วยิ่งแข็งเกร็งเพราะตกใจกับค่าใช้จ่าย

หลังจากนั้นจึงลาคุณหมอและแจ้งว่าถ้าตัดสินใจผ่าจะติดต่อมาอีกที

สรุปวันนั้นฉันจ่ายค่าคลีนิกพิเศษวันเสาร์+ค่ายาชาไป  550 บาท โดยที่คอของฉันยังปลอดภัยดีอยู่
การแสวงหาที่ตรวจเจาะชิ้นนเื้อของฉันยังไม่จบสิ้น โรงพยาบาลต่อไปคือโรงพยาบาลที่ฉันเคยเจาะชิ้นนเนื้อมาก่อน แต่ฉันขาดการรักษามานาน การจะกลับเข้าไปพบแพทย์เฉพาะทางอีกครั้ง ต้องใช้เวลา รอและรอ ....เสียเวลาเป็นอาทิตย์แต่ก็ต้องรอ